สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน
เนื่องจากในช่วยปลายของสัปดาห์นี้ไปจนถึงช่วงปลายๆ ของสัปดาห์หน้า แอดมินมีกำหนดการที่จะต้องเดินทางไป ณ ประเทศไต้หวัน เพื่อไปนำเสนอผลงานการทำงานวิจัยในระดับ ป เอก ที่กำลังศึกษาอยู่ ทางแอดมินจึงอยากจะขออนุญาตเพื่อนๆ ทุกคนทำการปรับเปลี่ยนผังและแผนของการโพสต์สักเล็กน้อย ทั้งนี้ก็เพื่อให้แอดมินนั้นสะดวกและเราเราก็ยังจะได้สามารถพบกันได้ในทุกๆ วันเหมือนเช่นเคยได้นั่นเองครับ
ในวันอาทิตย์แบบนี้ ผมก็จะนำเอาคำถามหรือปัญหาประจำสัปดาห์ที่ได้ฝากเอาไว้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาๆ เฉลยให้แก่เพื่อนๆ ทุกคนนะครับ สืบเนื่องจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นหลังจากที่เพื่อนๆ ได้รับชมคลิปที่ผมได้แชร์มาจากเพจ สารคดี HD History ไปแล้ว โดยที่คลิปๆ นี้มีความน่าสนใจมากๆ เกี่ยวข้องกันกับเรื่อง ความรู้ในการออกแบบและก่อสร้างตึกที่มีความสูงที่สุดในโลก หรือที่มีชื่อของอาคารว่า อาคารเบิร์จคาลิฟา ซึ่งตั้งอยู่ในมหานครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ต้องตกใจหรือห่วงไปนะครับ ผมคงไมได้ตั้งใจที่จะตั้งคำถามอะไรที่มีความยากเย็นจนเกินไปเพื่อให้เพื่อนๆ ไม่สามารถที่จะตอบได้ ดังนั้นคำถามที่กำลังจะถามไปก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในเนื้อหาของคลิปก็เพียงเท่านั้น ซึ่งคำถามก็มีทั้งหมด 2 ข้อสั้นๆ นั่นก็คือ
- อาคารหอเอนปีซ่าที่ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลีใช้ระบบฐานรากระบบใดและเหราะเหตุใดโครงสร้างของหอๆ นี้จึงเกิดการเสียรูปและเกิดเอียงตัวไป ?
- ระบบฐานรากของอาคารเบิร์จคาลิฟาที่ตั้งอยู่ในมหานครดูไบนั้นใช้ระบบของฐานรากเป็นแบบใดและระบบโครงสร้างเสาเข็มของอาคารระบบใดในการรับแรง ?
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ง่ายมากๆ เลยใช่หรือไม่ครับ ผมว่าเราอย่าเสียเวลาเลย ไปดูคำตอบของคำถามแต่ละข้อกันเลยดีกว่าครับ
- อาคารหอเอนปีซ่าที่ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลีใช้ระบบฐานรากระบบใดและเหราะเหตุใดโครงสร้างของหอๆ นี้จึงเกิดการเสียรูปและเกิดเอียงตัวไป ?
อาคารหอเอนปีซ่านั้นอาศัย “ระบบฐานรากแบบตื้น” หรือ “SHALLOW FOUNDATION” ที่มีขนาดเพียงแค่ 3 เมตร เพียงเท่านั้น โดยที่อาคารแห่งนี้มีการตั้งอยู่บนพื้นดินที่มีลักษณะค่อนข้างนิ่มที่มีลักษณะเป็นดินปนทรายและดินโคลนผสมกัน จนในที่สุดในขณะที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่อาคารก็เกิดการยุบตัวลงไปเพราะดินนั้นไม่มีคุณสมบัติที่ดีเพียงพอที่จะสามารถรับน้ำหนักของอาคารได้แต่สืบเนื่องจากการที่วัสดุหลักๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างอาคารจะได้แก่ หินปูน และ ปูนขาว ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่ดีสามารถที่จะต้านทานต่อแรงกระทำต่างๆ ได้ดีกว่าวัสดุประเภทหิน ก็เลยส่งผลทำให้อาคารแห่งนี้ไม่ได้ถึงขั้นถล่มลงมาแต่กลับกลายเป็นค่อยๆ เอนตัวเอียงลงมาแทน
- ระบบฐานรากของอาคารเบิร์จคาลิฟาที่ตั้งอยู่ในมหานครดูไบนั้นใช้ระบบของฐานรากเป็นแบบใดและระบบโครงสร้างเสาเข็มของอาคารระบบใดในการรับแรง ?
โครงสร้างฐานรากและเสาเข็มของอาคารแห่งนี้มีการใช้งานในทำนองเดียวกันกับโครงสร้างทั่วๆ ไปในอาคารอื่นๆ นั่นก็คือ ใช้วัสดุคอนกรีตในการทำ ซึ่งระบบของฐานรากที่มีการใช้งานในอาคารแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “ฐานรากแบบแพ” หรือ “RAFT FOUNDATION” โดยที่ฐานรากแบบแพที่ใช้รองรับน้ำหนักของอาคารๆ นี้ก็มีขนาดและความลึกของฐานรากที่หนามากๆ และเหมือนที่ผมเคยได้เรียนให้เพื่อนๆ ทราบไปก่อนหน้านี้ว่า ระบบของฐานรากระบบนี้มีความเหมาะสมที่จะถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างอาคารที่มีขนาดความสูงมากๆ เนื่องจากฐานรากระบบนี้จะสามารถช่วยในเรื่องของการรองรับภาระน้ำหนักที่จะถูกถ่ายลงมาจากอาคารทางด้านบนได้ ภายหลังจากการที่มีการเจาะสำรวจดินก็จะพบว่า ดินข้างล่างมีลักษณะเป็นดินที่เป็นหินตะกอนที่มีชื่อเรียกจำเพาะว่า หินคาลซีซิลไทต์ หรือว่า หินที่เกิดจากตะกอนฝุ่นของเปลือกหอย ซึ่งถือได้ว่าหินชนิดนี้เป็นหินประเภทหนึ่งที่พบได้ในท้องทะเลทรายแถบประเทศอาหรับ ซึ่งก็ต้องยอมรับด้วยว่าหินชนิดดังกล่าวไม่ได้มีความแข็งแรงมากเพียงต่อการรับน้ำหนักของอาคารที่มีความสูงมากขนาดนี้ นั่นเลยทำให้ที่บริเวณที่ปลายล่างสุดของโครงสร้างเสาเข็มเหล่านี้จะไม่ได้มีการวางตัวอยู่บนชั้นดินที่มีความแรงเพียงพอต่อการรับน้ำหนักเหมือนอย่างหินประเภท หินปูน หรือ หินแกรนิต ทำให้วิศวกรผู้ออกแบบระบบโครงสร้างเสาเข็มของอาคารแห่งนี้เลือกใช้เป็น “เสาเข็มระบบแรงฝืด” หรือ “FRICTION PILE” โดยที่ในขั้นตอนของการออกแบบนั้นทางวิศวกรผู้ออกแบบมีความจำเป็นที่จะต้องทำการคำนึงถึงทั้งในเรื่องของการรับน้ำหนัก (LOADING CONDITION) และ เรื่องของการทรุดตัว (DISPLACEMENT CONDITION) อย่างละเอียดมากๆ ซึ่งหากดูลึกลงไปในรายละเอียดก็จะพบว่า ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของเสาเข็มที่ใช้ในอาคารแห่งนี้มีขนาดที่ใหญ่มากถึงต้นละ 1500 มม โดยที่โครงสร้างเสาเข็มแต่ละต้นนั้นก็จะมีขนาดความลึกที่มากถึงประมาณ 50 เมตร และจำนวนที่ใช้ทั้งหมดก็เท่ากับ 194 ต้น นั่นเองครับ
หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
ADMIN JAMES DEAN
บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปัน ไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.
บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม มอก. 397-2524 เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐาน มอก. การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม
รายการเสาเข็มภูมิสยาม
1. สี่เหลี่ยม S18x18 cm.
รับน้ำหนัก 15-20 ตัน/ต้น
2. กลม Dia 21 cm.
รับน้ำหนัก 20-25 ตัน/ต้น
3. กลม Dia 25 cm.
รับน้ำหนัก 25-35 ตัน/ต้น
4. กลม Dia 30 cm.
รับน้ำหนัก 30-50 ตัน/ต้น
(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)
☎ สายด่วนภูมิสยาม:
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449
091-947-8945
081-634-6586
? Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com